อาชีวอนามัยและความปลอดภัย

สุขภาพและความปลอดภัย

ความมุ่งมั่น 

             กลุ่มไทยออยล์มุ่งเน้นการวางรากฐานระบบการจัดการด้านความปลอดภัยส่วนบุคคล (Personal safety) และความปลอดภัยในกระบวนการผลิต (Process Safety) ผ่านนโยบายคุณภาพ ความมั่นคง ความปลอดภัย อาชีวอนามัย สิ่งแวดล้อม การจัดการพลังงาน และความรับผิดชอบต่อสังคม เพื่อป้องกัน ควบคุม และลดผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นทั้งในสภาวะการดำเนินงานปกติ สภาวะผิดปกติ และสภาวะฉุกเฉิน สำหรับการดำเนินธุรกิจในปัจจุบันและการขยายธุรกิจในอนาคต ตลอดรวมถึงการสนับสนุนและปกป้องคู่ค้าจากความเสี่ยงของการดำเนินธุรกิจอันเนื่องมาจากประเด็นทางกฎหมาย ข้อบังคับและข้อกำหนดที่เกี่ยวข้อง โดยมีเป้าหมายการดำเนินงานเป็น “องค์กรที่ปราศจากอุบัติเหตุ (No Harm No Leak Goal Zero)”

เป้าหมาย

No Harm No Leak Goal Zero

วุฒิภาวะด้านความปลอดภัย (Maturity Level)

  •  • ยกระดับให้อยู่ในระดับที่ 4 ภายในปี 2565 และ 4.5 ภายในปี 2573
  • สถิติความปลอดภัย อัตราการบาดเจ็บจากการทำงาน (TRIR) ของผู้ปฏิบัติงานทั้งหมด (พนักงานและผู้รับเหมา)

 • รักษาสถิติความปลอดภัยให้อยู่ในกลุ่มผู้นำ 10% แรกของกลุ่มธุรกิจน้ำมันและก๊าซ (IOGP) ภายในปี 2565 

 • บรรลุเป้าหมายสถิติความปลอดภัย อัตราการบาดเจ็บจากการทำงานให้อยู่ที่ 0.10  รายต่อล้านชั่วโมงการทำงาน ภายในปี 2573

Process Safety Event (PSE) Tier 1

 • รักษา Process Safety Event ให้อยู่ที่ 0 เหตุการณ์ ภายในปี 2565

 • บรรลุเป้าหมาย Process Safety Event ให้อยู่ที่ 0 เหตุการณ์ ภายในปี 2573

แนวทางการบริหารจัดการ

คณะกรรมการความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน

กลุ่มไทยออยล์มีหน่วยงานเฉพาะทำหน้าที่ควบคุมและผลักดันการดำเนินงานตามแผนงานดังกล่าว และมีการแต่งตั้งคณะกรรมการความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน ประกอบด้วยผู้แทนจากพนักงานระดับปฏิบัติการไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ของคณะกรรมการทั้งหมด (ไม่รวมประธานกรรมการ) ซึ่งกำหนดให้มีการประชุมอย่างน้อยเดือนละหนึ่งครั้ง เพื่อแจ้งข่าวสาร พร้อมติดตามความก้าวหน้าของการดำเนินงานและแผนการดำเนินงานในอนาคต เป็นต้น

บทบาทของคณะกรรมการความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน

  •   -  พิจารณานโยบายและแผนงานด้านความปลอดภัยในการทำงาน

  •   -  กำหนดเป้าหมายที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน

  •   -  พัฒนาแผนงาน 5 ปี โดยการจัดลำดับความสำคัญและกำหนดแผนการดำเนินงานให้สอดคล้องกับเป้าหมาย เพื่อระบุบ่งชี้ถึงความเสี่ยง

  •   -  ติดตาม ประเมิน และรายงานความคืบหน้าของผลการดำเนินงาน เพื่อลดและป้องกันประเด็นความเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง ที่อาจนำสู่ผลกระทบต่อเป้าหมาย

  •   -  รายงานและเสนอแนะมาตรการหรือแนวทางปรับปรุงแก้ไขให้ถูกต้องตามกฎหมายเกี่ยวกับความปลอดภัยในการทำงานและมาตรฐานความปลอดภัยในการทำงานต่อนายจ้าง เพื่อความปลอดภัยในการทำงานของลูกจ้าง ผู้รับเหมา และบุคคลภายนอกที่เข้ามาปฏิบัติงานหรือเข้ามาใช้บริการในสถานประกอบกิจการ

    •   -  ส่งเสริม สนับสนุน กิจกรรมด้านความปลอดภัยในการทำงานของสถานประกอบกิจการ ติดตาม รายงาน และประเมินผล
    •   -  สำรวจการปฏิบัติการด้านความปลอดภัยในการทำงาน และตรวจสอบสถิติการประสบอันตรายที่เกิดขึ้นในสถานประกอบกิจการนั้นอย่างน้อยเดือนละหนึ่งครั้ง

 

การบริหารจัดการด้านความปลอดภัย และสุขภาพพนักงานและผู้รับเหมา 

     กลุ่มไทยออยล์บริหารจัดการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย โดยกำหนดนโยบายคุณภาพ ความมั่นคง ความปลอดภัย อาชีวอนามัย สิ่งแวดล้อม การจัดการพลังงาน และความรับผิดชอบต่อสังคมของกลุ่มไทยออยล์ (QSHE) เป็นกรอบในการดำเนินการภายใต้กลยุทธ์ TOP Group QSHE Excellence 2019 - 2023 เพื่อขับเคลื่อนและเสริมสร้างศักยภาพของกลุ่มไทยออยล์ให้บรรลุความเป็นเลิศ ด้าน QSHE อย่างต่อเนื่องและยั่งยืน 

     ปัจจุบันกลุ่มไทยออยล์ดำเนินการตามแผนกลยุทธ์เพื่อมุ่งสู่ความเป็นเลิศทางธุรกิจ (House of Business Excellence : O2Bx) เพื่อเตรียมพร้อมขับเคลื่อนเป็นโรงกลั่นชั้นนำระดับโลก ภายในปี 2565 โดยความปลอดภัยถือเป็นหนึ่งในเสาหลักที่จะต้องได้รับการพัฒนาและยกระดับ

     นอกจากนั้น กลุ่มไทยออยล์ยังคงให้ความสำคัญกับกลยุทธ์เชิงรุกโดยการยกระดับกิจกรรม Management Walk and Talk เป็น GEMBA Walk โดยผู้บริหารระดับสูง ดำเนินการตรวจสอบด้วยการพูดคุยสอบถามถึงกิจกรรมสำคัญ โดยใช้ชุดคำถามที่มีความเฉพาะ มุ่งเน้นการสร้างความเข้าใจ แนะนำวิธีปฏิบัติที่ปลอดภัยในกิจกรรมที่มีความเสี่ยงทั้งด้านความปลอดภัยส่วนบุคคลและความปลอดภัยในกระบวนการผลิต และดำเนินกิจกรรม QSHE Roll Out อย่างต่อเนื่องโดยมุ่งเน้นการเข้าถึง รวมถึงการรณรงค์ส่งเสริมจิตสำนึกด้านคุณภาพ ความมั่นคง ความปลอดภัย และสิ่งแวดล้อมของผู้ปฏิบัติงานหรือภายในพื้นที่ปฏิบัติงาน เพื่อขยายขอบเขตให้ครอบคลุมพื้นที่ปฏิบัติงานและการมีส่วนร่วมของผู้ปฏิบัติงานภายใต้กิจกรรมและสภาพแวดล้อมในการทำงาน ณ ขณะนั้น อีกทั้ง กลุ่มไทยออยล์ยังนำระบบการจัดการต่างๆ ที่เหมาะสมมาประยุกต์ใช้ เพื่อให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนต่อไป และมีการรายงานผลการดำเนินกิจกรรมต่างๆ ข้างต้นให้ผู้บริหารได้รับทราบและร่วมหาแนวทางการแก้ไขเป็นประจำ รวมถึงจะมีกระบวนการทบทวน (Management Review) เป็นประจำทุกปี เพื่อกำหนดแนวทางการปรับปรุงและจัดทำแผนงานประจำปีต่อไป พร้อมทั้งมีการสื่อสารให้พนักงานรับทราบเป็นระยะ เพื่อนำไปสู่การปฏิบัติที่มีประสิทธิผลต่อไป

 

กลุ่มไทยออยล์ดำเนินกิจกรรมด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยที่สำคัญ ดังนี้

การขับเคลื่อนกลยุทธ์เพื่อมุ่งสู่ความเป็นเลิศทางธุรกิจ (O2Bx)

 • การปรับแผนกลยุทธ์เพื่อมุ่งสู่ความเป็นเลิศทางธุรกิจ (O2Bx) เพื่อเตรียมพร้อมที่จะขับเคลื่อนโรงกลั่นชั้นนำระดับโลก ภายในปี 2567 และปรับเป้าหมายความปลอดภัยระดับองค์กรใหม่ให้สอดคล้องกับกลยุทธ์ใหม่ดังกล่าว คือ No Harm, No Leak, Goal Zero

 • การทบทวนแผนงาน 5 ปี ด้านอาชีวอนามัย ความปลอดภัย การจัดการเหตุฉุกเฉินและวิกฤต ให้สอดคล้องกับสภาพแวดล้อมทั้งภายในและภายนอก ความเสี่ยงต่างๆ รวมถึงแผนกลยุทธ์และเป้าหมายระดับองค์กรใหม่

 • การมอบหมายให้ผู้บริหารระดับสูงนำเสนอกรณีศึกษาและประเด็นที่มีนัยสำคัญด้านความปลอดภัยทั้งจากภายในและภายนอกองค์กรให้ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ รับทราบเป็นประจำทุกเดือน เพื่อส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาและปรับปรุงมาตรการด้านความปลอดภัยของบริษัทฯ อย่างต่อเนื่อง

 • การเยี่ยมผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่ของประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ และคณะผู้บริหารระดับสูง ทั้งในระหว่างการปฏิบัติงานตามปกติ การหยุดซ่อมบำรุงหน่วยผลิต และงานโครงการก่อสร้าง เพื่อสร้างขวัญและกำลังใจ ตลอดจนสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นและสนับสนุนความปลอดภัยในการทำงาน รวมถึงเป็นตัวอย่างที่ดีด้านภาวะผู้นำความปลอดภัย

การประเมินความเสี่ยงด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัย

  การทบทวนการบ่งชี้และประเมินความเสี่ยงและอันตรายที่มีศักยภาพจะก่อให้เกิดอุบัติเหตุร้ายแรง พร้อมทั้งกำหนดมาตรการควบคุมและป้องกัน และมีการตรวจติดตามประสิทธิผลของมาตรการควบคุมและป้องกันอย่างต่อเนื่อง การตรวจสอบความปลอดภัย การวิเคราะห์ รวมถึงเสนอแนวทางแก้ไขและป้องกันไม่ให้เกิดซ้ำโดยพนักงานและผู้รับเหมา ทั้งนี้ ผู้บริหารจะมีการทบทวนและตรวจสอบผลการดำเนินงานด้านความปลอดภัยเป็นประจำทุกเดือน

  การประเมินความเสี่ยงและอันตรายร้ายแรงและทบทวนมาตรการควบคุมและป้องกันด้านความปลอดภัย โดยกำหนดแผนและมาตรการความมั่นคงและความปลอดภัยเชิงป้องกันในระดับต่างๆ (Defense in Depth) ให้ครอบคลุมความเสี่ยงและอันตรายร้ายแรง โดยเฉพาะการรั่วไหลของสารเคมี โดยมีการฝึกซ้อมแผนฉุกเฉินในระดับต่างๆ และต่อยอดการฝึกซ้อมแผนฉุกเฉินไปสู่ระดับการบริหารจัดการภาวะวิกฤต (Crisis Management) ร่วมกับหน่วยงานภายนอกและหน่วยงานราชการในพื้นที่ เพื่อป้องกันและลดผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจ รวมถึงเพื่อให้มั่นใจว่ากลุ่มไทยออยล์ยังคงบริหารจัดการและควบคุมความเสี่ยงร้ายแรงให้อยู่ในระดับที่ยอมรับได้ตลอดเวลา

 • การทบทวนบัญชีอุบัติเหตุมีศักยภาพก่อให้เกิดผลกระทบอย่างรุนแรง (Major Accident Event) ให้สอดคล้องกับความเสี่ยง และการทบทวนและฝึกซ้อมตามแผนฉุกเฉินและภาวะวิกฤต รวมถึงแผนเผชิญเหตุล่วงหน้าให้สอดคล้องกับวิธีปฏิบัติที่เป็นเลิศในระดับสากล (International Best Practice) ตลอดจนปรับปรุงศูนย์ควบคุมเหตุฉุกเฉิน (Emergency Control Center) ให้ทันสมัยและพร้อมใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพ

 • การทบทวนวิธิปฏิบัติการบริหารจัดการอุบัติเหตุและอุบัติการณ์ ให้ครอบคลุมอุบัติการณ์ทุกประเภท ได้แก่ การบาดเจ็บจากการทำงาน โรคหรือการเจ็บป่วยจากการประกอบอาชีพ เหตุการณ์เกือบเกิดอุบัติเหตุ และอุบัติการณ์อื่นๆ รวมถึงอุบัติการณ์ที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยในกระบวนการผลิต มีการประเมินระดับความรุนแรงและความเสี่ยง โดยใช้ตารางการประเมินความเสี่ยง (Risk Assessment Matrix) เพื่อเลือกทีมสอบสวนฯ และวิธีการสอบสวนฯ ที่เหมาะสมตามระดับความรุนแรงและความเสี่ยงของอุบัติการณ์นั้น และต้องระบุสาเหตุที่แท้จริง พร้อมกำหนดมาตรการแก้ไขและป้องกันที่เหมาะสมเพื่อป้องกันการเกิดซ้ำ

การเพิ่มประสิทธิภาพด้านความปลอดภัย

 • การทบทวนระบบใบอนุญาตในการทำงาน (Permit to Work System) โดยเฉพาะใบอนุญาตที่เกี่ยวกับการปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้องกับความร้อนหรือประกายไฟ (Hot Work) รวมถึงรายการตรวจสอบ (Checklist) ที่เกี่ยวข้อง ให้สอดคล้องกับวิธีปฏิบัติที่เป็นเลิศในระดับสากล

 • การประเมินระดับวัฒนธรรมความปลอดภัย ในปี 2565 ผลการประเมินที่ 4.13 คะแนนจากคะแนนเต็ม 5.00 คะแนน พร้อมจัดทำแผนงานพัฒนาวัฒนธรรมความปลอดภัยเพื่อให้พนักงานและผู้รับเหมามีความตระหนักและให้องค์กรก้าวเข้าสู่องค์กรที่ปราศจากอุบัติเหตุ

 • การตรวจสอบระบบใบอนุญาต (Permit to Work Inspection) โดยพนักงานเจ้าของพื้นที่ (Area Operation) และทีมตรวจสอบความปลอดภัย (Safety Audit Team) เพื่อให้มั่นใจว่ามีการปฏิบัติสอดคล้องตามข้อกำหนดที่ระบุไว้ในใบอนุญาตให้ทำงานอย่างต่อเนื่อง

 • การยกระดับการบริหารจัดการความเสี่ยงในการทำงาน 2 งานหรือมากกว่าที่ทับซ้อนกัน (เกิดขึ้นพร้อมๆ กันในเวลาและพื้นที่เดียวกัน) โดยจัดทำ Simultaneous Operation Procedure และนำไปสู่การปฏิบัติ สำหรับใช้ควบคุมความเสี่ยงและอันตรายในกิจกรรมที่มีความทับซ้อนกันระหว่างการเดินเครื่องปกติ (Normal Operation) และกิจกรรมการก่อสร้างหรือซ่อมบำรุง ให้มีความปลอดภัยสูงสุด

 • การประเมินดัชนีชี้วัดสมรรถนะด้านสุขภาพ (Health Performance Indicators) ตามหลักเกณฑ์และแนวทางของ International Association of Oil and Gas Producers (IOGP) ซึ่งเป็นมาตรฐานสากล โดยได้รับคะแนนการประเมินในปี 2565 ที่ 3.82 คะแนน จากคะแนนเต็ม 4.00 คะแนน พร้อมจัดทำแผนงานพัฒนาระบบการบริหารจัดการให้สอดคล้องตามหลักเกณฑ์และข้อกำหนดของ IOGP ต่อไป

 • การยกระดับการบริหารจัดการความปลอดภัยผู้รับเหมา (Contractor Safety Management) ให้สอดคล้องกับวิธีปฏิบัติที่เป็นเลิศในระดับสากล มีการตรวจประเมินผลการดำเนินงานด้านความปลอดภัยประจำปีของบริษัทผู้รับเหมา โดยผู้เชี่ยวชาญจากภายนอก (Third party) ทั้งในส่วนของระบบบริหารจัดการและการปฏิบัติงานในพื้นที่ สำหรับใช้ในการแบ่งระดับผู้รับเหมา (Contractor Banding) เป็นสีเขียว สีเหลือง และสีแดง เพื่อใช้เป็นเกณฑ์ในการพิจารณาการดำเนินธุรกิจร่วมกันอย่างต่อเนื่อง กรณีที่บริษัทผู้รับเหมามีผลการประเมินฯ ต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนด (สีเหลือง สีแดง) จะเปิดโอกาสให้ผู้รับเหมานำเสนอแผนงานและทำการปรับปรุงแก้ไขประเด็นปัญหาให้สอดคล้องตามข้อกำหนดและตามกรอบระยะเวลาที่กำหนด

 • การพัฒนาระบบ Electronic Contractor Safety Passport ขึ้นมาใช้บันทึกประวัติและข้อมูลที่สำคัญด้านความปลอดภัยของผู้รับเหมารายบุคคลและรายบริษัท  เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการบริหารจัดการความปลอดภัยผู้รับเหมา และใช้เป็นข้อมูลในการตรวจประเมินผลการดำเนินงานด้านความปลอดภัยบริษัทผู้รับเหมาประจำปี

 • การทบทวนวิธีปฏิบัติงานที่ปลอดภัย สำหรับกิจกรรมหรืองานที่มีความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุ ได้แก่ งานยกของหนักโดยปั้นจั่น งานนั่งร้าน งานที่ต้องใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าภายในเขตพื้นที่โรงกลั่น เป็นต้น และทำการฝึกอบรมและสื่อสารให้กับพนักงานและผู้รับเหมาที่เกี่ยวข้องทราบ เพื่อนำไปสู่การปฏิบัติให้สอดคล้องตามข้อกำหนดอย่างครบถ้วน

 • การยกระดับการแจ้งเตือนสถานการณ์ผิดปกติหรือฉุกเฉินสำหรับผู้อยู่เวรคอยเหตุฉุกเฉินและผู้เกี่ยวข้อง ด้วยระบบ SMS เพื่อให้ผู้อยู่เวรคอยเหตุฉุกเฉินทราบถึงเหตุการณ์อย่างรวดเร็ว และสามารถเข้ามาสนับสนุนการระงับเหตุได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ

 • การประเมินความเสี่ยงทางด้านการยศาสตร์ (Ergonomic assessment) สำหรับกลุ่มตัวอย่างพนักงานและผู้รับเหมาที่ปฏิบัติงานในพื้นที่อาคารสำนักงาน โรงซ่อมบำรุง หน่วยงานคลังสินค้าและพัสดุ ห้องปฏิบัติการทดสอบ เป็นต้น เพื่อประเมินพฤติกรรมและภาวะคุกคามต่อสุขภาพและกำหนดมาตรการแก้ไขป้องกันที่เหมาะสมกับกิจกรรมและความเสี่ยง

 • การจัดโครงการ All SAFE White Green MTA (Major Turnaround) ในช่วงปิดซ่อมบำรุงใหญ่หน่วยผลิตตามวาระในปี 2565 เพื่อสร้างความตระหนักให้กับพนักงานและผู้รับเหมา เพื่อเป็นการลดอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นในขณะที่มีกิจกรรมเสี่ยงในงานซ่อมบำรุง

 • การทบทวนแผนเผชิญเหตุล่วงหน้า (Pre Incident plan) ระดับที่ 1 และ ระดับที่ 2 ให้สอดคล้องกับสถานการณ์และมาตรฐานสากล รวมถึงการฝึกซ้อมตามแผนที่กำหนด เพื่อเป็นการซักซ้อมการรับมือเหตุฉุกเฉินได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 • การจัดให้มีรถดับเพลิงชนิดเคลื่อนที่เร็ว QAV (Quick Attack Vehicle) ขนาดอัตราฉีด 1000 GPM สำหรับใช้เผชิญเหตุเบื้องต้นได้อย่างรวดเร็ว มีประสิทธิภาพและปลอดภัย

 • การจัดให้มีอุปกรณ์หัวฉีดน้ำดับเพลิงขนาดใหญ่ (Big Gun) ขนาดอัตราฉีด 6000 GPM สำหรับใช้ดับเพลิงถังน้ำมันดิบขนาดใหญ่ที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางตั้งแต่ 60 เมตรขึ้นไป

การให้ความรู้และสร้างการมีส่วนร่วมด้านความปลอดภัย 

 • การจัดตั้งศูนย์ฝึกอบรมความปลอดภัยที่มีความพร้อมทั้งภาคทฤษฎี (Theory) และภาคปฏิบัติ (Practice) เพื่อพัฒนาความรู้ ความสามารถและทักษะของพนักงาน และผู้รับเหมา

 • การพัฒนาและประเมินความรู้ความสามารถของพนักงานและผู้รับเหมาที่ปฏิบัติหน้าที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัย ตามระบบใบอนุญาตในการทำงานต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา และการจัดการเหตุฉุกเฉินและภาวะวิกฤตตามบทบาทหน้าที่ ผ่านกระบวนการ Competency Assurance System

 • การจัดโครงการป้องกันและลดอุบัติเหตุจากการทำงาน (30-60-90 Days with No Harm No Leak) อย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นการเน้นย้ำและกระตุ้นให้พนักงานและผู้รับเหมา เกิดความตระหนักด้านความปลอดภัยในการทำงานอย่างเข้มข้น โดยมีเป้าหมาย คือ ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บจากการทำงานถึงขั้นต้องเข้ารับการรักษาพยาบาลทางการแพทย์ (Medical Treatment Case: MTC)

 • การจัดกิจกรรม Thaioil Group QSHE Day 2022 เพื่อส่งเสริมวัฒนธรรมด้านความปลอดภัยฯ ของพนักงานและผู้รับเหมา โดยการมอบโล่และเกียรติบัตรให้แก่ผู้ที่มีผลการดำเนินงานดีเด่นด้าน QSHE ประจำปี 2565 และจัดบูธนิทรรศการ เพื่อให้ความรู้และเสริมสร้างจิตสำนึกด้านความปลอดภัยฯ ให้กับพนักงานและผู้รับเหมา  

 • การรณรงค์และเสริมสร้างการตระหนักถึงอันตราย ได้แก่ วิถีอันตราย (Line Of Fire) และการปฏิบัติตามกฎความปลอดภัยพื้นฐาน 12 ข้อ (12 Life Saving Rules) อย่างเคร่งครัด พร้อมทั้งรณรงค์ให้มีการเขียนรายงาน Potential Incident Report (PIR) โดยมุ่งเน้นถึงการกระทำที่ไม่ปลอดภัย (Unsafe Act) และสภาพการณ์ที่มีศักยภาพจะก่อให้เกิดอุบัติเหตุ (Unsafe Condition) ซึ่งเป็นมาตรการป้องกันก่อนเกิดเหตุ 

 • การจัดฝึกอบรบและให้ความรู้ด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงานสำหรับพนักงานและผู้รับเหมารายใหม่ เพื่อสร้างความตระหนักถึงอันตรายและความเสี่ยงขั้นพื้นฐานของการปฏิบัติงานในพื้นที่กลุ่มไทยออยล์ รวมถึงรู้และเข้าใจมาตรการด้านความปลอดภัยที่กำหนดขึ้น เพื่อลดความเสี่ยงในกิจกรรมการทำงาน เช่น หลักสูตรความปลอดภัยในการปฏิบัติงาน (Basic Safety in Refinery) หลักสูตรดับเพลิงขั้นต้น (Basic Firefighting) หลักสูตรความปลอดภัยในการปฏิบัติงานในที่อับอากาศ (Confined Space) และหลักสูตรการปฐมพยาบาล (First Aid) เป็นต้น

 • การอบรมหลักสูตรด้านความปลอดภัยเฉพาะ สำหรับพนักงานและผู้รับเหมา เพื่อให้มีความรู้ความสามารถในการปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ปลอดภัยและสอดคล้องตามข้อกำหนด เช่น หลักสูตรผู้อนุมัติใบรับรองความปลอดภัย (AE/AGSI Course) หลักสูตรผู้อนุมัติใบอนุญาตทำงาน (Clearance Certificate Signatory) หลักสูตรผู้ตรวจวัดแก๊ส (Authorized Gas Tester) หลักสูตรความปลอดภัยเกี่ยวกับไฟฟ้า เป็นต้น

 

 

องค์ประกอบของคณะกรรมการความปลอดภัย อาชีวอนามัน และสภาพแวดล้อมการทำงาน

กลุ่มไทยออยล์มีคณะกรรมการ ความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทํางานซึ่งทําหน้าที่จัดการดูแลให้พนักงานทุก คนมีความปลอดภัยในการทํางาน พร้อมกําหนดกฎระเบียบ ข้อกําหนด และวิธีการทํางานที่ปลอดภัยพร้อมทั้งจัดหาอุปกรณ์ป้องกัน อันตรายต่างๆ ตลอดจนให้การศึกษาอบรมแก่พนักงานให้มีความรู้ความเข้าใจในงานที่ทําโดยมีการตรวจสอบ ติดตาม และทบทวนผล การดําเนินงานอย่างต่อเนื่อง

คณะกรรมการความปลอดภัยฯ ประกอบด้วยสมาชิกดังนี้
ตัวแทนนายจ้าง จํานวน 1 คน เป็นประธานคณะกรรมการ
ผู้แทนระดับบังคับบัญชา จํานวน 4 คน เป็นกรรมการ
เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยระดับวิชาชีพ จํานวน 1 คน
เป็นกรรมการและเลขานุการ
ตัวแทนลูกจ้าง จํานวน 5 คน (คิดเป็นร้อยละ 50 ของคณะกรรมการ)
โดยบริษัทแต่งต้ังคณะกรรมการดําเนิน การเลือกต้ัง

กลุ่มไทยออยล์กําหนดนโยบายความปลอดภัยฯ ระเบียบวิธีปฏิบัติและวิธีปฏิบัติต่างๆ ที่เกี่ยวข้องรวมถึงระเบียบด้านการบุคคล (Blue Book) หมวดที่ 11 ซึ่งเป็นคู่มือที่ลงนามร่วมกันระหว่างองค์กรและกรมแรงงาน ซึ่งถือเป็นหน้าที่ของพนักงานทุกคนที่จะปฏิบัติ ตามวิธี การและแนวทางต่างๆ ที่กําหนดไว้ ตั้งแต่เริ่มทํางาน และรายงานต่อผู้บังคับบัญชาสําหรับเหตุการณ์ท่ีมีศักยภาพก่อให้เกิดอุบัติเหตุ หรืออันตรายหรือความเสียหาย 

การส่งเสริมสุขภาพที่ดีของพนักงาน
 
กลุ่มไทยออยล์เน้นการบริหารจัดการอาชีวอนามัยเชิงรุก โดยมี การประเมินความเสี่ยงด้านสุขภาพ (Health risk assessment) ซึ่ง เป็นส่วนหน่ึงของระบบมาตรฐานการจัดการอาชีวอนามัยและ ความปลอดภัย ซึ่งเริ่มจากการประเมินการสัมผัส (Exposure assess ment) ของพนักงานตามลักษณะงานต่างๆ เพื่อหาปัจจัยเสี่ยง ต่อสุขภาพและเตรียมการเฝ้าระวัง รวมถึงค้นหากิจกรรมท่ีมีความเส่ียง ของกลุ่มเป้าหมาย ตลอดจนมีการตรวจวัด และวิเคราะห์ ปัจจัยเสี่ยงในกิจกรรมน้ันๆ เพื่อทบทวนมาตรการควบคุมป้องกันที่มีอยู่ใน ปัจจุบัน และท่ีสําคัญพนักงานจะได้รับการเฝ้าระวังและตรวจสุขภาพอย่างสมํ่าเสมอ

นอกจากนั้นยังมีการเฝ้าติดตามการแพร่ระบาดของโรคติดต่อ ท่ีสําคัญ เช่น โรคไข้หวัดนก ไข้หวัดใหญ่ เป็นต้น โดยมีการตรวจประเมิน พื้นที่อย่างต่อเนื่อง รวมถึงการให้ความรู้เพื่อป้องกัน โดยเฉพาะอย่างย่ิงกลุ่มพนักงานที่ต้องออกไปปฏิบัติงานในพื้นที่ ที่มีความเสี่ยงของ โรคติดต่อที่สําคัญ เช่น พนักงานท่ีมีหน้าที่พัฒนาธุรกิจใหม่ๆ ที่ต้องเดินทางไปต่างประเทศ เป็นต้น

การอนุรักษ์การได้ยิน (Hearing Conservation Program)
ที่ผ่านมาพนักงานกลุ่มไทยออยล์ ยังไม่พบประเด็นปัญหาการสูญเสียการได้ยิน อันเนื่องมาจากการทํางาน (Noise Induce Hearing Loss: NIHL) แต่เพื่อ เป็นการป้องกันและลดโอกาสการเกิด NIHL จึงได้จัดโครงการรณรงค์ การอนุรักษ์การได้ยิน (Hearing Conservation Program) โดยมีการตรวจวัดวิเคราะห์และจัดทําแผนท่ีเสียง (Noise Contour Map) เพื่อ ปรับปรุงที่แหล่งกําเนิดของเสียงพร้อม ติดป้ายเตือนในพื้นท่ีเสียงดัง เกิน 80 เดซิเบล (เอ) นอกจากนี้มีการรณรงค์ให้พนักงานและผู้รับเหมา สวมใส่อุปกรณ์ป้องกันเสียงทุก ครั้งท่ีออกไปปฏิบัติงานในพื้นท่ี กระบวนการผลิต รวมถึงการตรวจการได้ยิน (Hearing Test) เพื่อเฝ้าระวังการสูญเสียการได้ยินใน ระยะเร่ิมต้น ผลจากการรณรงค์ฯ สามารถลดความเสี่ยงของการเกิด NIHL ในอนาคตได้

การดูแลการยศาสตร์สำหรับงานสำนักงาน (Office Ergonomic)
ปัจจุบันพนักงานสํานักงานที่ใช้คอมพิวเตอร์ในการทํางานนานต่อเนื่องโดยไม่มีการหยุดพัก ซึ่งนําไปสู่ประเด็นความเสี่ยง ในด้านการยศาสตร์ (Ergonomic) และอาจเกิดการเจ็บป่วย (Office syndrome) ส่งผลต่อประสิทธิภาพการทํางาน ผู้เช่ียวชาญด้านอาชีว อนามัยร่วมกับแพทย์อาชีวอนามัย ได้ทําการสํารวจและประเมินความเส่ียงทางด้านการยศาสตร์สําหรับ กลุ่มเป้าหมาย พร้อมให้คํา แนะนําปรับปรุงสถานที่ทํางาน อุปกรณ์สํานักงาน และท่าทางการทํางานให้ถูกต้องเหมาะสม ตลอดจนการหยุดพักระหว่างการทํางาน นอกจากนี้ กลุ่มฯ ยังสร้างบรรยากาศการทํางานให้มีความปลอดภัย เพื่อให้ผู้ปฏิบัติงานมีสุขภาพกายและสุขภาพจิตท่ีดีทําให้การ ปฏิบัติงาน มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลการดําเนินงานด้านความปลอดภัยของกลุ่มไทยออยล์โดยรวมดีขึ้นส่งผลให้ธุรกิจของกลุ่มฯ สามารถดําเนินการ ได้อย่างต่อเนื่องและย่ังยืน โดยตลอดระยะเวลา 53 ปีที่ผ่านมา จากการประเมินโดยแพทย์อาชีวอนามัยไม่พบว่ามี พนักงานและ ผู้รับเหมาเจ็บป่วยด้วยโรคอันเนื่องมาจากการทํางาน

การสร้างความพร้อมสำหรับการทำงาน (Fit for Work)
กลุ่มไทยออยล์ให้ความสําคัญกับการเตรียมร่างกายของผู้ปฏิบัติงานให้เหมาะสม และพร้อมสําหรับการทํางาน (Fit For Work) ซึ่งปัจจุบันได้ ดําเนินการสําหรับการทํางานท่ีมีความเสี่ยง เช่น งานในที่ อับอากาศ งานบนท่ีสูง เป็นต้น และจะขยายให้ครอบคลุมกลุ่มพนักงานท่ีมี ปัญหาด้านสุขภาพซึ่งอยู่ในระหว่างรับการรักษาทางการแพทย์แต่ไม่มีความจําเป็นต้องหยุดงาน เช่น โรคความดัน โลหิตสูง โรคเบาหวาน และโรคหัวใจ เป็นต้น รวมถึงพนักงานที่มีภาวะอ้วนหรือดัชนีมวลรวม (Body Mass Index : BMI) สูงเกินค่ามาตรฐาน ซึ่งผลการดํา เนินการ สามารถลดความเสี่ยงของการเกิดอุบัติเหตุ อันเนื่องมาจากปัญหาสุขภาพได้
ความปลอดภัยในกระบวนการผลิต

เนื่องจากความปลอดภัยในกระบวนการผลิตเป็นสิ่งสำคัญยิ่งต่อการดำเนินงาน ดังนั้น ทุกสายงานการผลิตของกลุ่มไทยออยล์จึง ดำเนินงานภายใต้ระบบการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพและเป็นมาตรฐานทัดเทียมในระดับสากลซึ่งครอบคลุมด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสิ่งแวดล้อม โดยมีการกำหนดเป้าหมาย Loss of Primary Containment (LOPC) Tier 1 ให้เป็นศูนย์ และแต่งตั้งคณะกรรมการ ความปลอดภัย ที่ประกอบด้วยตัวแทนจากพนักงานระดับปฏิบัติการไม่ต่ำกว่าร้อยละ 50 ของคณะกรรมการทั้งหมด ทำหน้าที่บริหาร จัดการด้านความปลอดภัยขององค์กร ติดตามและตรวจสอบการดำเนินงานให้สอดคล้องตามมาตรฐานของไทยออยล์ พร้อมทั้ง ให้ความรู้และความเข้าใจด้านความปลอดภัยในกระบวนการผลิตแก่พนักงานทุกฝ่าย เพื่อช่วยยกระดับการดำเนินงานให้มีความ ปลอดภัยทั่วทั้งองค์กรและสอดคล้องตามเป้าหมายที่กำหนด 

ความปลอดภัยจากการขนส่ง

การขนส่งของกลุ่มไทยออยล์ดำเนินงานภายใต้ระบบการบริหารจัดการขนส่งที่สอดคล้อง กับกลุ่ม ปตท. ซึ่งประกอบด้วย การจัดการด้านความปลอดภัย การบริหารจัดการพนักงาน ขับรถ รายการตรวจสอบความปลอดภัยก่อนเข้ารับผลิตภัณฑ์ และระบบการตรวจ สอบเพื่อให้การขนส่งตรงตามเวลาและข้อกำหนด โดยมุ่งลดการปฏิบัติที่เสี่ยงต่อ ความปลอดภัย