WORLD: Environment well-being
เศรษฐกิจหมุนเวียน
หน้าหลัก / ความยั่งยืน / WE : People's well-being / เศรษฐกิจหมุนเวียน
ความท้าทาย ความเสี่ยง และผลกระทบ
ท่ามกลางสถานการณ์ด้านสิ่งแวดล้อมที่มีความรุนแรงมากยิ่งขึ้นจากการเติบโตของธุรกิจและสังคมอย่างต่อเนื่อง ส่งผลต่อหลายปัจจัย ทั้งด้านทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่อย่างจำกัด ความต้องการที่เพิ่มขึ้นของแหล่งน้ำดิบ แหล่งพลังงาน ผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมและปิโตรเคมี ตลอดจนปริมาณกากของเสียที่มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นเนื่องจากหน่วยกลั่นใหม่ของโครงการพลังงานสะอาด (Clean Fuel Project: CFP) ที่จะทำการ Commissioning และ Start up ในอนาคต จึงเป็นความท้าทายที่สำคัญที่กลุ่มไทยออยล์ต้องบริหารจัดการการใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อเสถียรภาพของการเติบโตของธุรกิจกลุ่มไทยออยล์ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน และรวมไปถึงการแสวงหาโอกาสในการนำหลักการเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy: CE) มาต่อยอดพัฒนากากของเสียหรือวัสดุเหลือทิ้งให้เกิดมูลค่าเพิ่ม ผ่านการวิจัยพัฒนาและความร่วมมือกับภาคธุรกิจและภาคสังคม
ความมุ่งมั่น และเป้าหมาย
กลุ่มไทยออยล์มุ่งมั่นยกระดับการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมเพื่อการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า โดยมีการแต่งตั้งคณะทำงานขับเคลื่อนธุรกิจตามแนวทางเศรษฐกิจหมุนเวียนของกลุ่มไทยออยล์ ในการบริหารจัดการน้ำ การบริหารจัดการพลังงาน การบริหารจัดการผลิตภัณฑ์และการบริการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และการบริหารจัดการของเสียและการนำกลับมาใช้ใหม่ให้เกิดประโยชน์สูงสุดครอบคลุมตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ โดยได้นำหลักเศรษฐกิจหมุนเวียนตามมาตรฐานสากล BS 8001:2017 เข้ามาบูรณาการในการจัดทำกลยุทธ์ความยั่งยืนในมิติสิ่งแวดล้อมด้านเศรษฐกิจหมุนเวียน ตลอดจนสร้างเครือข่ายกับผู้มีส่วนได้เสียภายนอก ทั้งหน่วยงานภาครัฐ หน่วยงานเอกชน ชุมชนและสังคม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการ สร้างความตระหนัก สร้างโอกาสทางธุรกิจในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ตลอดจนสร้างคุณค่าจากผลการดำเนินงานของกลุ่มไทยออยล์คืนสู่สังคม
เป้าหมาย
ตัวชี้วัด | หน่วย | เป้าหมาย ปี 2566 | เป้าหมายระยะยาว ปี 2573 |
---|---|---|---|
การลดปริมาณน้ำที่นำมาใช้ทั้งหมด | ล้านลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง | 103 | |
ปริมาณการฝังกลบของเสีย | ร้อยละ | 0 | 0 |
การกำจัดของเสียด้วยวิธีการ 3Rs | ร้อยละ | 100 | 100 |
ระดับประสิทธิภาพด้านพลังงานของบริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) | Quartile | 2nd Quartile | 1st Quartile ตั้งแต่ปี 2570 |
สัดส่วนการจัดซื้อสินค้าในหมวดวัสดุ อุปกรณ์ และเครื่องใช้สำนักงานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม | ร้อยละของยอดซื้อสินค้าในหมวดสำนักงานทั้งหมด | 95 | 98 |
หมายเหตุ: (1) เทียบกับการจัดอันดับประสิทธิภาพด้านพลังงานจากรายงานผลการเทียบสมรรถนะ (Solomon Benchmarking) ของธุรกิจการกลั่นในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
แนวทางการบริหารจัดการ และผลการดำเนินงาน
แนวทางการบริหารจัดการ
กลุ่มไทยออยล์กำหนดกลยุทธ์เศรษฐกิจหมุนเวียนของกลุ่มไทยออยล์ “Thaioil CE WE GO” และแต่งตั้งคณะทำงานเพื่อขับเคลื่อนแผนงานและดำเนินงานสู่เป้าหมายที่กำหนดไว้ ซึ่งได้ดำเนินการตั้งแต่การวางกรอบ (Framing) กำหนดขอบข่าย (Scoping) การสร้างแนวคิด (Idea Generation) การศึกษาความเป็นไปได้ (Feasibility) ตลอดจนการดำเนินโครงการ (Implementation) การติดตามและรายงานผลการดำเนินงาน (Monitoring and Report) เพื่อให้การดำเนินกิจกรรมต่างๆ ของกลุ่มไทยออยล์ ผ่านการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าสูงสุดและสามารถควบคุมและลดผลกระทบจากการดำเนินธุรกิจต่อระบบนิเวศและสังคมอย่างยั่งยืน โดยมีการรายงานผลการดำเนินในด้านต่างๆ ต่อผู้บริหารและผู้มีส่วนได้เสียเป็นประจำ ซึ่งครอบคลุมการดำเนินงานที่สำคัญ 4 ด้าน ดังนี้
Thaioil CE WE GO
Water and wastewater management
- มุ่งเน้นความคุ้มค่าของการใช้ทรัพยากรน้ำ ทั้งภายใยและภายนอกโรงกลั่น
- ศึกษาการใช้ประโยชน์จากน้ำทิ้งและน้ำทะเล
Energy conservation
- ใช้ทรัพยากรด้านพลังงานอย่างคุ้มค่า
- ดำเนินโครงการเพื่อส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียนทั้งภายในและภายนอกองค์กรอย่างยั่งยืน
Green label focus
- กำหนดเป้าหมายในการใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
- จัดทำกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
- วางรูปแบบ Green Office / Green Meeting เพื่อการบริหารจัดการสำนักงาน และการประชุมให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
Opportunities for upcycling
- บริหารจัดการของเสียอย่างยั่งยืน
- จัดทไโครงการต่างๆ เพื่อนำขยะเข้าสู่กระบวนการ Upcycling เพื่อใช้ในกิจกรรมต่างๆ ขององค์กรต่อไป
- ต่อยอดการดำเนินงานด้าน Circular Exconomy เป็นโครงการเพื่อชุมชนและสังคม
W: Water and Wastewater Management
การจัดการน้ำดิบ
การบริหารจัดการน้ำอย่างบูรณาการเป็นหนึ่งในกรอบการทำงานตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน โดยบูรณาการร่วมกับหลักการ 3Rs (Reduce, Reuse, and Recycle) ที่ครอบคลุมทุกมิติของการใช้น้ำของกลุ่มไทยออยล์ โดยมีคณะทำงานจัดหาน้ำสำหรับกระบวนการผลิตในระยะยาว ทำหน้าที่เฝ้าติดตาม ประเมินสถานการณ์ กำหนดกลยุทธ์และแผนงานในการจัดหาแหล่งน้ำและปริมาณการใช้น้ำที่เพียงพอและมีความมั่นคงในระยะยาว สำหรับกระบวนการผลิตในปัจจุบัน และโครงการขยายในอนาคต เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้น้ำอย่างคุ้มค่าตลอดห่วงโซ่การผลิต รวมถึงการลดความเสี่ยงต่อสถานการณ์ขาดแคลนน้ำทางธรรมชาติที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในอนาคต
การจัดการน้ำเสีย
กลุ่มไทยออยล์ควบคุมคุณภาพน้ำทิ้งให้ดีกว่าข้อกำหนดทางกฎหมาย ก่อนระบายน้ำที่ผ่านการบำบัดแล้วออกสู่ภายนอกโรงงาน โดยเริ่มจากการจัดการลดการใช้น้ำตั้งแต่ต้นทาง ส่งผลให้สามารถลดปริมาณน้ำเสียที่เกิดขึ้น นอกจากนี้ กลุ่มไทยออยล์ได้ออกแบบระบบการจัดการน้ำเสียที่คำนึงถึงการใช้ทรัพยากรและพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด โดยได้มีการออกแบบและแบ่งประเภทน้ำเสียออกเป็น 3 ประเภท เพื่อลดการใช้ทรัพยากรและพลังงาน เนื่องจากน้ำเสียแต่ละชนิดมีปริมาณการปนเปื้อนที่แตกต่างกัน ได้แก่
- ประเภทที่ 1: น้ำเสียจากกระบวนการผลิต (Process Effluent)
- ประเภทที่ 2: น้ำหลากชนิด COC (Continuously Oil Contaminated Water) หรือ น้ำล้างหรือน้ำฝนที่ตกลงบริเวณพื้นที่หน่วยการผลิต
- ประเภทที่ 3: น้ำหลากชนิด AOC (Accidentally Oil Contaminated Water) หรือ น้ำฝนที่ตกในพื้นที่กลุ่มไทยออยล์ หรือน้ำล้างที่ไม่มีน้ำมันหกรั่วไหล น้ำจากการซ้อมดับเพลิง น้ำจากหอหล่อเย็น น้ำจากหม้อไอน้ำ เป็นต้น
น้ำเสียแต่ละประเภทถูกส่งมาบำบัดที่ระบบบำบัดน้ำเสียกลุ่มไทยออยล์ที่มีการเดินระบบและติดตามตรวจสอบคุณภาพน้ำทิ้งที่ผ่านการบำบัดแล้วตลอด 24 ชั่วโมงต่อวัน โดยมีการรายงานค่า Chemical Oxygen Demand Online (COD Online) ต่อกรมโรงงานอุตสาหกรรมแบบเป็นปัจจุบัน (Real Time) อีกทั้งยังมีการตรวจสอบคุณภาพน้ำทิ้งโดยห้องปฏิบัติการทดสอบของกลุ่มไทยออยล์ และตรวจสอบโดยผู้ไม่มีส่วนได้เสียภายนอก เพื่อให้มั่นใจได้ว่าคุณภาพของน้ำหลังผ่านกระบวนการบำบัดมีคุณภาพที่ดีกว่าค่ามาตรฐานกำหนด ตลอดจนให้ความสำคัญกับการพัฒนาบุคลากรอย่างต่อเนื่อง เช่น การฝึกอบรมผู้ปฏิบัติงานในการดูแลระบบบำบัดน้ำเสียเพื่อเพิ่มความสามารถในการดูแลและบริหารจัดการน้ำทิ้งให้มีประสิทธิภาพ ทำให้ในปี 2566 กลุ่มไทยออยล์ยังสามารถควบคุมคุณภาพน้ำทิ้งได้ดีกว่าที่กฎหมายกำหนด
โครงการที่โดดเด่น
ในปี 2566 กลุ่มไทยออยล์ได้ดำเนินโครงการต่างๆ เพิ่มเติม แบ่งเป็น 3 ส่วน ดังนี้
- โครงการการบริหารจัดการน้ำ 3Rs ในกระบวนการผลิต (3Rs in Process) เช่น
- โครงการลดการใช้น้ำที่หน่วยการผลิต U-2230 (APU-C)
- โครงการนำน้ำกลับมาใช้ใหม่ที่โรงไฟฟ้า TOPSPP (TOP SPP water recovery)
- โครงการลดความถี่ในการล้างยอน (Backwash) ของตัวกรอง “Side Stream Filter” ของหอหล่อเย็นหน่วย Q-4707 และ Q-85010
- โครงการซ่อมแซมท่อที่ชำรุดรั่วไหล
- โครงการปรับเปลี่ยนการเดินระบบหน่วยกำจัดไฮโดรเจนซัลไฟด์และคาร์บอนไดออกไซด์ออกจากน้ำเสียจากหน่วยกลั่นไอน้ำ (Sour Water Stripper) ที่ 2 เป็นหน่วยที่ 5 ที่สามารถนำกลับไอน้ำหรือ Condensate มาใช้ใหม่ (Swop SWS-2 to SWS-5 (APU-C) to save LP steam)
- โครงการนำน้ำล้างย้อน (Backwash) ของหน่วยกรอง “Filtration Package” มาใช้ประโยชน์ใหม่
- โครงการ “เจอ จด แจ้ง จบ” เป็นการรณรงค์การใช้ทรัพยากรน้ำให้คุ้มค่า รวมทั้งตรวจสอบและซ่อมแซมอุปกรณ์เพื่อป้องกันการรั่วไหลอย่างต่อเนื่องผ่านการตรวจสอบอุปกรณ์ เน้นการมีส่วนร่วมและเสริมสร้างความตระหนักในการลดการสูญเสียน้ำ ทั้งในส่วนกระบวนการผลิตและอาคารสำนักงาน เมื่อเจอการรั่วไหลจากการสำรวจพื้นที่และตรวจสอบการรั่วซึมของอุปกรณ์ จดปริมาณรั่วไหล แจ้งผ่านระบบ SAP เพื่อซ่อมแซม และจบการซ่อมให้เฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง พร้อมส่งข้อมูลเข้าระบบ เพื่อรวบรวมและประเมินผลการดำเนินงาน จากการดำเนินโครงการพบว่ามีผู้ส่งผลงานเข้าร่วมโครงการฯ รวม 60 รายการ สามารถลดการสูญเสียน้ำได้ถึง 7,700 ลิตรต่อชั่วโมง บริษัทฯ ได้มีการมอบรางวัลเพื่อแสดงความชื่นชมและขอบคุณการเข้าร่วมโครงการในงาน QSHE Day
- โครงการการจัดการน้ำเพื่อความยั่งยืน เช่น
- โครงการติดตั้งระบบรีเวอร์สออสโมซิส (Reverse Osmosis: RO) ของ TOP SPP เพื่อกรองน้ำ Blowdown เป็นน้ำจืด (TOP SPP Blowdown RO)
- การเดินเครื่องระบบกลั่นน้ำทะเลให้เป็นน้ำจืด (Desalination Unit) อย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มสัดส่วนการใช้น้ำจากทรัพยากรหมุนเวียนหรือน้ำทะเลทดแทนการใช้น้ำดิบจากแหล่งน้ำธรรมชาติ
- โครงการพัฒนาระบบแสดงผลการติดตามสถานการณ์และปริมาณการใช้น้ำ (Water Dashboard) เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด เพื่อให้การบริหารจัดการน้ำของกลุ่มไทยออยล์มีประสิทธิภาพสูงสุดและทันท่วงทีกรณีสถานการณ์น้ำเปลี่ยนแปลง


ผลการดำเนินงานปี 2566

G: Green Label Focus
การส่งเสริมการจัดซื้อจัดจ้างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภค ภาคอุตสาหกรรม และภาครัฐในปัจจุบันที่ให้ความสำคัญกับการเลือกซื้อหรือผลักดันสินค้าและบริการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้นกว่าในอดีตอย่างเห็นได้ชัด จากความใส่ใจในการลดผลกระทบด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอื่นๆ กลุ่มไทยออยล์เล็งเห็นความสำคัญและปรับตัวสู่การบริหารจัดการที่เป็นมิตรต่อส่งแวดล้อม (Green Label Focus) ที่ครอบคลุมการผลิต การใช้ผลิตภัณฑ์ และการจัดซื้อจัดจ้างและงานบริการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยมีคณะทำงานเพื่อผลักดันให้บรรลุเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน
กลุ่มไทยออยล์ได้บริหารจัดการ การจัดซื้อจัดจ้างหรือการบริการ เพื่อเลือกใช้วัตถุดิบ อุปกรณ์ งานบริการ ตลอดจนพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อลดการเกิดของเสียตั้งแต่ต้นทางและเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากร ซึ่งตั้งแต่ปี 2563 กลุ่มไทยออยล์ได้รับการรับรองมาตรฐานแนวทางการจัดซื้อจัดจ้างอย่างยั่งยืน ISO 20400:2017 ที่นำมาประยุกต์ใช้ในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างในทุกกลุ่มสินค้าและงานบริการ (Non-Crude Procurement) และมีการส่งเสริมการจัดซื้อจัดจ้างอย่างยั่งยืนตลอดห่วงโซ่อุปทานผ่านการปรับปรุงนโยบายการจัดซื้อจัดจ้างอย่างยั่งยืนของกลุ่มไทยออยล์ รวมไปถึงการสื่อสารไปยังคู่ค้าให้มีความพร้อมผ่านงานสัมมนาคู่ค้ากลุ่มไทยออยล์ประจำปี
โครงการที่โดดเด่น
ฝ่ายจัดซื้อจัดจ้างกลุ่มไทยออยล์ และหน่วยงานจัดหาของบริษัทในกลุ่ม ปตท. ร่วมกับสถาบันรับรองมาตรฐานไอเอสโอ (MASCI) โดยปี 2566 ได้ริเริ่มจัดทำโครงการส่งเสริมคู่ค้าเพื่อขอการรับรองอุตสาหกรรมสีเขียว (Green Industry) สำหรับคู่ค้าที่มีความสำคัญกับกลุ่มไทยออยล์เป็นปีแรก โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างศักยภาพในการดำเนินธุรกิจร่วมกันในระยะยาว ซึ่งโครงการดังกล่าวประกอบไปด้วยการให้ความรู้ การสัมมนาเชิงปฏิบัติการ และการให้คำแนะนำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญ เพื่อนำไปสู่การยื่นขอการรับรองในระบบอุตสาหกรรมสีเขียวของคู่ค้า ทั้งนี้ คู่ค้าของกลุ่มไทยออยล์เข้าร่วมทั้งหมด 18 บริษัท และมีจำนวน 3 บริษัทที่ผ่านการรับรองอุตสาหกรรมสีเขียวซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยคู่ค้าทั้ง 3 บริษัทนี้ได้รับการรับรองอุตสาหกรรมสีเขียวระดับ 2 ซึ่งมากกว่าที่คาดหวังอีกด้วย

ผลการดำเนินงานปี 2566
สำหรับการจัดซื้อสินค้าในหมวดวัสดุ อุปกรณ์ และเครื่องใช้สำนักงาน มีการพิจารณาการซื้อพัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (Green Products) ซึ่งเป็นการกระตุ้นให้คู่ค้ามีการพัฒนากระบวนการผลิตเพื่อให้ได้สินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รวมทั้งหลีกเลี่ยงผลกระทบทางลบด้านสิ่งแวดล้อมตลอดห่วงโซ่อุปทาน
ในปี 2566 กลุ่มไทยออยล์ได้ดำเนินการซื้อพัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมคิดเป็นร้อยละ 98 ซึ่งมากกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ (ร้อยละ 95) ของค่าใช้จ่ายในหมวดนี้ และเมื่อเทียบกับปี 2565 มีรายการจัดซื้อจัดจ้างใหม่ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยค่าใช้จ่ายรวมของปี 2565 เพิ่มขึ้นร้อยละ 5 จากปีก่อนหน้า ทั้งนี้ กลุ่มไทยออยล์จึงสามารถหลีกเลี่ยงการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางอ้อม (GHG Scope 3) ได้ถึง 1,586.47 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า

O: Opportunities for Upcycling
การจัดการของเสียอุตสาหกรรม
การใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า หาโอกาสในการนำของเสียกลับมาใช้ใหม่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ลดของเสียที่ต้องส่งกำจัดน้อยที่สุด ถือเป็นสิ่งที่กลุ่มไทยออยล์ยึดมั่นในการบริหารจัดการของเสีย เพื่อผลักดันการดำเนินงานสู่เป้าหมายการกำจัดของเสียด้วยวิธี 3Rs ร้อยละ 100 ในปี 2566 และการนำของเสียไปฝังกลบเป็นศูนย์ (Zero Waste to Landfill) อย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2563 กลุ่มไทยออยล์ได้นำหลักการเศรษฐกิจหมุนเวียนและ 3Rs มาใช้ในกระบวนการผลิตตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ โดยมีคณะทำงานการบริหารจัดการกากของเสียและวัสดุที่ไม่ใช้แล้ว (Waste Management Committee) ผลักดันและกำกับดูแลการบริหารจัดการให้บรรลุเป้าหมาย
โครงการที่โดดเด่น
ในปี 2566 กลุ่มไทยออยล์ได้ดำเนินโครงการต่างๆ เพิ่มเติม แบ่งเป็น 3 ส่วน คือ
- CE in Process (Circularity in Process): ควบคุมและจัดการของเสียจากกระบวนการผลิตที่เป็นเลิศ (Operational Excellence) เพื่อลดกากของเสียในกระบวนการผลิตให้น้อยที่สุด สำหรับกากของเสียที่เกิดขึ้นแล้วกลุ่มไทยออยล์ยึดหลัก 3Rs มาใช้ในการบริหารจัดการเพื่อเพิ่มมูลค่าของกากของเสียให้ได้มากที่สุด เช่น
- การเพิ่มมูลค่า Spent Catalyst ได้แก่ HCU 2 Spent Catalyst ประมาณ 198 ตัน และ HDS-3 Spent Catalyst ประมาณ 140 ตัน โดยนำไปสกัดโลหะโมลิบดีนัม (Molybdenum Reclaim) และทังสเตน (Tungsten Reclaim) ทดแทนการเผาทำลายหรือฝังกลบ ซึ่งมีมูลค่าที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ในอุตสาหกรรมอื่นๆ ต่อไป
- การนำพาเลทไม้ที่ผ่านการใช้งานในกระบวนการผลิตซึ่งไม่ปนเปื้อนและมีสภาพที่ดีมา Upcycling เป็นเฟอร์นิเจอร์ เช่น ชั้นวางของ ชุดโซฟาไม้ โต๊ะและถังขยะ เป็นต้น โดยผลิตภัณฑ์ที่ได้จะนำกลับมาใช้ภายในองค์กร
- CE in Office (Circularity in Office): การศึกษาแนวทางการรีไซเคิล และนำกลับมาใช้ใหม่ เพื่อเพิ่มมูลค่าการจัดการของเสียสำนักงานและโรงอาหาร เช่น
- โครงการกลุ่มไทยออยล์ไม่มีขยะ เพื่อเสริมสร้างความตระหนักและให้ความรู้แก่พนักงานและผู้รับเหมา ในการคัดแยกและจัดการขยะของเสียอย่างถูกต้องอย่างต่อเนื่อง
- โครงการเพิ่มมูลค่าขวดพลาสติก (Upcycling Plastic Waste) โดยนำขวดพลาสติกจากขยะรีไซเคิลมาสร้างมูลค่าด้วยการ Upcycling เป็นเสื้อ QSHE เพื่อแจกให้พนักงานและผู้รับเหมา
- โครงการนำกากกาแฟจากร้านกาแฟอัคนีมารีไซเคิลเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ ได้แก่ กระถางต้นไม้ ของตกแต่งบ้าน และวัสดุสำหรับเพาะเห็ด (ก้อนเห็ด) เพื่อแจกให้แก่พนักงาน ผู้รับเหมา
- CE for Society (Circularity for Society) เพิ่มข้อมูลค่าของเสียเพื่อเป็นผลิตภัณฑ์สำหรับชุมชนและให้ความรู้ ผ่านโครงการต่างๆ ที่อยู่ระหว่างดำเนินการ เช่น
- โครงการแจกผลิตภัณฑ์จากการดำเนินงานเศรษฐกิจหมุนเวียน เช่น ปุ๋ยที่ผลิตจากเศษอาหารเพื่อใช้กับต้นไม้ ในกิจกรรมต่างๆ ที่ไทยออยล์ได้ร่วมกับชุมชน เช่น งานปีใหม่ งานวันเด็ก และงานกฐินประจำปี 2566
- โครงการไทยออยล์สร้างเยาวชนรักษ์โลก (Thaioil CE School Model) เพื่อสร้างองค์ความรู้และความตระหนักให้เยาวชนในเรื่องกระบวนการจัดการของเสียตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง ได้แก่ การจัดการขยะ กระบวนการหมักปุ๋ย แนวทางการรีไซเคิลน้ำมันที่ใช้แล้ว รวมถึงการทำบัญชีเบื้องต้น โดยมีโรงเรียนในพื้นที่แหลมฉบัง 4 โรงเรียน ได้แก่ โรงเรียนวัดแหลมฉบัง โรงเรียนวัดมโนรม โรงเรียนวัดใหม่เนินพยอมและศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก เทศบาลนครแหลมฉบัง นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมให้ความรู้ในการทำสบู่จากน้ำมันพืชที่ใช้แล้วและกากกาแฟ ที่โรงเรียนวัดแหลมฉบัง ในวันที่ 26 กรกฎาคม 2566


ผลการดำเนินงานปี 2566
