สิทธิมนุษยชน
สิทธิมนุษยชน
ความท้าทาย ความเสี่ยง
กลุ่มไทยออยล์จึงมุ่งเน้นและยึดมั่นที่จะปฏิบัติตามกรอบแนวคิดและหลักการสิทธิมนุษยชนทั้งในระดับสากล และของประเทศไทยดังกล่าว เพื่อให้มั่นใจว่าการขยายประสิทธิภาพกำลังการผลิตภายใต้โครงการพลังงานสะอาด (Clean Fuel Project: CFP) รวมถึงโครงการขยายธุรกิจไปยังตลาดต่างประเทศเพื่อตอบสนองต่อกลยุทธ์ทางธุรกิจของบริษัทฯ นั้น จะไม่มีความเสี่ยงที่ก่อให้เกิดการละเมิดสิทธิมนุษยชนต่อผู้มีส่วนได้เสีย อาทิ การจ้างแรงงาน หรือการปฏิบัติต่อแรงงานอย่างถูกต้องตามกฎหมาย (Labour Practices) การจ้างหรือการปฏิบัติต่อแรงงานต่างชาติอย่างถูกต้องตามกฎหมาย (Migrant Worker and Forced Labour) การยกระดับการมีส่วนร่วมและการอยู่ร่วมกับชุมชน (Community Rights) การดูแลความมั่นคงปลอดภัยและใส่ใจในความรู้สึกของพนักงาน (Employee Engagement and Equality) การคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมที่อาจได้รับผลกระทบจากการขยายธุรกิจของบริษัทฯ (Environment Rights) อีกทั้งความแตกต่างด้านกฎหมายในประเทศที่บริษัทฯ เข้าไปดำเนินธุรกิจ ด้วยเหตุผลและความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น กลุ่มไทยออยล์จึงกำหนดแผนดำเนินการด้านสิทธิมนุษยชนให้สอดคล้องกับกรอบดำเนินการด้านสิทธิมนุษยชนสากล รวมถึงแผนปฏิบัติการระดับชาติว่าด้วยธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน ระยะที่ 2 เพื่อยกระดับและให้ความสำคัญในการป้องกันและการปกป้องสิทธิมนุษยชนของผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่มอย่างยั่งยืน



เพื่อแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการขับเคลื่อนให้ “ห่วงโซ่คุณค่าของธุรกิจกลุ่มไทยออยล์” (Thaioil Group Value Chain) เคารพและปฏิบัติตามสิทธิมนุษยชน กลุ่มไทยออยล์ได้พัฒนาเครื่องมือและจัดให้มี “การประเมินความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้าน” (Human Rights Due Diligence: HRDD) ในกิจกรรมทางธุรกิจ และผู้ค้าในห่วงโซ่อุปทานของธุรกิจ ทุก 3 ปี และติดตามผลประจำทุกปี โดยกลุ่มไทยออยล์ได้ทำการพัฒนาเครื่องมือดังกล่าวให้สอดคล้องกับคู่มือการประเมินและจัดการผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนของบรรษัทเงินทุนระหว่างประเทศ กรอบการดำเนินการของสหประชาชาติ แผนปฏิบัติการระดับชาติว่าด้วยธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน (National Action Plan on Business and Human Rights : NAP) และเกณฑ์การบริหารความเสี่ยงขององค์กร โดยกำหนดไว้อย่างชัดเจนเป็น “แนวปฏิบัติการประเมินและจัดการผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนกลุ่มไทยออยล์” (Human Rights Impact Assessment and Management: HRIAM)
เป้าหมาย
กลุ่มไทยออยล์ต้องปราศจากข้อร้องเรียนด้านสิทธิมนุษยชน
ข้อร้องเรียนจากพนักงานเกี่ยวกับประเด็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน
เป้าหมายปี 2567
0
จำนวนข้อร้องเรียน
เป้าหมายระยะยาวปี 2573
0
จำนวนข้อร้องเรียน
ข้อร้องเรียนจากคู่ค้าเกี่ยวกับประเด็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน
เป้าหมายปี 2567
0
จำนวนข้อร้องเรียน
เป้าหมายระยะยาวปี 2573
0
จำนวนข้อร้องเรียน
แนวทางการบริหารจัดการ
และผลการดำเนินงาน
นโยบายสิทธิมนุษยชนในสถานที่ทำงาน กำหนดแนวทางการปฏิบัติของกลุ่มไทยออยล์ให้มีการเคารพสิทธิมนุษยชนของพนักงาน ผู้รับเหมา และสมาชิกในชุมชน ในขณะที่นโยบายธุรกิจและสิทธิมนุษยชนสำหรับคู่ค้า ซึ่งได้ขยายขอบเขตความคาดหวังครอบคลุมไปถึงพันธมิตรทางธุรกิจของกลุ่มไทยออยล์ ประกอบด้วยคู่ค้า ผู้รับเหมา ลูกค้า และพันธมิตรอื่นๆ เช่น พันธมิตรร่วมทุน ซึ่งนโยบายดังกล่าวได้กำหนดมาตรฐานที่คู่ค้าทางธุรกิจจะต้องปฏิบัติตาม โดยนโยบายทั้งสองฉบับสามารถสรุปได้ในตาราง ดังนี้


นโยบาย | นโยบายสิทธิมนุษยชนในสถานที่ทำงาน | นโยบายธุรกิจและสิทธิมนุษยชนสำหรับคู่ค้า |
---|---|---|
ที่มา | นโยบายทั้งสองฉบับได้มีการทบทวนเพื่อให้สอดคล้องกับหลักการชี้แนะแห่งสหประชาชาติว่าด้วยธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน (United Nations Guiding Principles on Business and Human Rights: UNGPs) อนุสัญญาหลักขององค์กรแรงงานระหว่างประเทศ (The Core Conventions of the International Labour Organization: ILO) ข้อตกลงโลกแห่งสหประชาชาติ (United Nations Global Compact: UNGC)
| |
ขอบเขต | ทุกกิจกรรมในการดำเนินงานของกลุ่มไทยออยล์ รวมถึงกิจการร่วมค้าที่กลุ่มไทยออยล์มีอำนาจควบคุมการจัดการ | กิจกรรมในการดำเนินงานของคู่ค้าทางธุรกิจของกลุ่มไทยออยล์ เช่น คู่ค้า ลูกค้า ผู้ร่วมลงทุนที่ไม่มีอำนาจในการจัดการ |
ประเด็นสาระสำคัญ | • พนักงานกลุ่มไทยออยล์ต้องปฏิบัติตามหลักสิทธิมนุษยชนสากลอย่างเคร่งครัด • กลุ่มไทยออยล์ต้องให้ความรู้ความเข้าใจในหลักสิทธิมนุษยชนสากลแก่พนักงานเพื่อให้เข้าใจและนำไปปฏิบัติในการดำเนินงาน รวมถึงหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่อาจก่อให้เกิดการละเมิดสิทธิมนุษยชน • กลุ่มไทยออยล์จัดรวบรวมกฎหมาย กฎและระเบียบของทางราชการให้เป็นหมวดหมู่เพื่อให้พนักงานศึกษาและให้การอบรมด้านกฎหมายที่เกี่ยวข้องแก่พนักงานอย่างเหมาะสมพอควร • พนักงานทุกระดับของกลุ่มไทยออยล์ต้องทำความเข้าใจกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับหน้าที่และความรับผิดชอบของตนโดยตรงให้ถี่ถ้วน และปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด หากไม่แน่ใจให้ขอคำปรึกษาจากสำนักกฎหมาย ห้ามปฏิบัติไปตามความเข้าใจของตนเองโดยไม่มีคำแนะนำ • เมื่อพนักงานต้องไปปฏิบัติงานในต่างประเทศ พนักงานควรศึกษากฎหมายขนบธรรมเนียมประเพณี และวัฒนธรรมของประเทศปลายทางก่อนการเดินทางเพื่อให้แน่ใจว่า สินค้า ตัวอย่าง สินค้า และอุปกรณ์ที่นำไปด้วย เอกสารในการเดินทางวัตถุประสงค์ของการเดินทางและการปฏิบัติงานในประเทศปลายทางไม่ผิดกฎหมาย ไม่ขัดต่อขนบธรรมเนียมประเพณี และวัฒนธรรมของประเทศปลายทาง • นโยบายนี้ยังครอบคลุมถึงสิทธิแรงงานอื่นๆ การสื่อสารด้านนโยบาย และขั้นตอนการร้องทุกข์หรือข้อร้องเรียน | • คู่ค้ากลุ่มไทยออยล์ต้องปฏิบัติตามหลักสิทธิมนุษยชนสากลอย่างเคร่งครัด โดยกลุ่มไทยออยล์คาดหวังให้คู่ค้าปฏิบัติตามที่นโยบายฉบับนี้กำหนด • กลุ่มไทยออยล์ต้องหมั่นตรวจตราดูแลการดำเนินกิจการของคู่ค้ามิให้การดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับการล่วงละเมิดสิทธิมนุษยชน • นโยบายครอบคลุมถึงสิทธิแรงงาน สิทธิชุมชนและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ความปลอดภัยของลูกค้า ตลอดจนการต่อต้านการทุจริต การสื่อสารนโยบาย และกลไกการร้องทุกข์ |
หมายเหตุ | • ในกรณีที่มาตรฐานกฎหมายของประเทศไม่สอดคล้องกับหลักสิทธิมนุษยชนสากล กลุ่มไทยออยล์จะพยายามดำเนินการด้วยมาตรฐานสิทธิมนุษยชนสูงสุดเท่าที่สามารถปฏิบัติได้ • ในกรณีที่กลุ่มไทยออยล์ไม่มีอำนาจควบคุมการจัดการของกิจการร่วมค้า กลุ่มไทยออยล์จะสนับสนุนให้กิจการร่วมค้าและผู้ร่วมทุนปฏิบัติตามมาตรฐานสิทธิมนุษยชนสากลเดียวกัน |


กระบวนการจัดการผลกระทบและการบริหารจัดการด้านสิทธิมนุษยชนของกลุ่มไทยออยล์

การประเมินความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนในสถานประกอบการ ประจำปี 2567
ในปี 2567 กลุ่มไทยออยล์ประเมินความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้าน (HRDD) ทุกกิจกรรมทางธุรกิจของกลุ่มไทยออยล์ ซึ่งครอบคลุมร้อยละ 100 ของกิจกรรมที่เป็นธุรกิจหลักและกิจกรรมอื่นของทุกหน่วยธุรกิจ รวมถึงกิจการร่วมค้า ได้รับการประเมินด้านสิทธิมนุษยชน ผลการประเมิน พบว่า กิจกรรมของกลุ่มไทยออยล์มีความเสี่ยงที่หลงเหลืออยู่ (Residual Risks) อยู่ที่ร้อยละ 36.4 จากกิจกรรมทั้งหมด โดยมีการจัดทำมาตรการในการควบคุมความเสี่ยงในประเด็นต่างๆ ครบถ้วนอยู่ที่ร้อยละ 100 และติดตามผลการดำเนินงานในทุกปี
ขอบเขตผู้มีส่วนได้เสียทั้งภายในและภายนอก
- ธุรกิจโรงกลั่น (บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน))
- ธุรกิจปิโตรเคมีคอล (บริษัท ไทยลูบเบส จำกัด (มหาชน) บริษัท ไทยพาราไซลีน จำกัด บริษัท ลาบิกซ์ จำกัด บริษัท ท็อป เน็กซ์ จำกัด และบริษัท ศักดิชัยสิทธิ์ จำกัด)
- ธุรกิจไฟฟ้าและไอน้ำ (บริษัท ท็อป เอสพีพี จำกัด)
- ธุรกิจสนับสนุน (บริษัท ไทยออยล์ เอนเนอร์ยี่ เซอร์วิส จำกัด และ บริษัท ไทยออยล์ ศูนย์บริหารเงิน จำกัด)
ขอบเขตผู้มีส่วนได้เสียทั้งภายในและภายนอก ได้แก่ พนักงาน คู่ค้า ลูกค้า ชุมชน รวมตลอดถึงกลุ่มเปราะบาง ได้แก่ ผู้หญิง เด็ก แรงงานต่างด้าว ผู้พิการ ผู้สูงอายุ ผู้ป่วย และกลุ่มความหลากหลายทางเพศ (LGBTQ+)

การประเมินความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนในห่วงโซ่อุปทาน ประจำปี 2567
ในปี 2567 กลุ่มไทยออยล์ประเมินความเสี่ยงที่เกิดจากกิจกรรมของ “คู่ค้าทางธุรกิจลำดับแรก (Tier 1 Supplier)” ของกลุ่มไทยออยล์ ซึ่งครอบคลุมร้อยละ 100 ของคู่ค้าลำดับแรกในกิจกรรมการจัดซื้อน้ำมันดิบและการจัดซื้อจัดจ้างทั่วไป โดยประเมินความรุนแรงและโอกาสเสี่ยงผ่านเกณฑ์การประเมินความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนภายใต้ขอบเขตที่สอดคล้องกับแนวทางการดำเนินธุรกิจของคู่ค้ากลุ่มไทยออยล์ (Sustainable Code of Conduct for Supplier of Thaioil Group: SCOC) ผลการประเมินความเสี่ยง พบว่ามีกิจกรรมที่มีโอกาสเสี่ยงอยู่ที่ร้อยละ 1.5 ของกิจกรรมทั้งหมด โดยพบว่าความเสี่ยงเป็นประเด็นเรื่องสภาพการทำงาน ความปลอดภัยและอาชีวอนามัย เป็นหลัก ทั้งนี้ ในปี 2567 ได้มีการจัดทำมาตรการเพื่อปิดความเสี่ยงครบทุกประเด็นความเสี่ยงที่ตรวจพบอยู่ที่ร้อยละ 100


การบริหารจัดการด้านการปฏิบัติต่อแรงงานที่ดี (สิทธิแรงงานและความเท่าเทียม)
ในปี 2567 บริษัทฯ มีพนักงานที่เป็นสมาชิกสหภาพแรงงานโรงกลั่นน้ำมันไทย คิดเป็นร้อยละ 75 ของพนักงานบริษัทไทยออยล์ทั้งหมด จากการตรวจสอบตามกระบวนการของทุกกิจกรรมทางธุรกิจพนักงานของบริษัทฯ ไม่เคยมีการประท้วงหรือนัดหยุดงาน รวมถึงไม่มีข้อพิพาทด้านแรงงานแต่อย่างใด
การปฏิบัติที่ดีต่อชุมชน (สิทธิชุมชน)
กลุ่มไทยออยล์ให้ความสำคัญกับการดำเนินงานร่วมกับชุมชนรอบพื้นที่ปฏิบัติงาน โดยใช้ หลักการ 3 ประสาน ประกอบด้วย ตัวแทนกลุ่มบริษัทไทยออยล์ ตัวแทนผู้นำชุมชนทั้ง 10 ชุมชนรอบโรงกลั่น และหน่วยงานราชการ ตามกรอบแนวคิด 5 ร่วม เพื่อให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการพัฒนาชุมชนของตนเอง สามารถพึ่งตนเองได้ จนเกิดเป็นชุมชนเข้มแข็ง อีกทั้งยังเป็นช่องทางในการสื่อสารความคืบหน้าของการก่อสร้างโครงการขยายกำลังการผลิตของบริษัทฯ พร้อมรับฟังความคิดเห็นของชุมชนเพื่อนำมาแก้ไขร่วมกัน ในปี 2567 กลุ่มไทยออยล์บริหารจัดการผลกระทบต่อชุมชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผ่านการมีส่วนร่วมกับชุมชน ร่วมสร้างคุณภาพชีวิตผ่านโครงการและกิจกรรมด้านสังคมและวัฒนธรรม ด้านการส่งเสริมสุขภาวะ ด้านการศึกษา และด้านสิ่งแวดล้อม โดยคำนึงถึงสิทธิชุมชนซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของประเด็นด้านสิทธิมนุษยชนที่บริษัทฯ ให้ความสำคัญ
นอกจากนั้น กลุ่มไทยออยล์ได้จัดทำการวิเคราะห์ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (Environmental Impact Assessment) ในทุกโครงการสำคัญของบริษัทฯ และมีการจัดทำแผนบรรเทาผลกระทบตลอดจนรับฟังความคิดเห็นของชุมชนซึ่งเป็นผู้มีส่วนได้เสียสำคัญของบริษัทฯ ทั้งนี้ ในปี 2567 ได้จัดกิจกรรมการรับฟังความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้เสียผ่านช่องทางต่างๆ อาทิ การประชุมร่วมกับตัวแทนกลุ่มต่างๆ ในชุมชน เช่น กลุ่มคณะกรรมการชุมชน กลุ่มอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) กลุ่มประมง กลุ่มครอบครัวติดรั้ว และกลุ่มเยาวชน ตลอดจนการเชิญชุมชนเยี่ยมชมความคืบหน้างานก่อสร้างของบริษัทฯ พร้อมชี้แจงและสื่อสารแผนการดำเนินงานของบริษัทฯ ที่จะเกิดขึ้นและการลงพื้นที่เยี่ยมชุมชนรอบโครงการก่อสร้าง เป็นต้น



กลไกการรับข้อร้องเรียน
สำหรับช่องทางการร้องเรียนและการแจ้งเบาะแสนั้น ผู้มีส่วนได้เสียสามารถแจ้งเรื่องร้องเรียนหรือเบาะแส โดยระบุให้ชัดเจนว่าเป็นเอกสารลับ ผ่านประธานกรรมการ หรือ ประธานคณะกรรมการกำกับดูแลกิจการ หรือ ประธานคณะกรรมการตรวจสอบ หรือ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ หรือ เลขานุการบริษัทฯ หรือผ่านทางจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ whistleblower@thaioilgroup.com
นอกจากนั้น กลุ่มไทยออยล์ยังมีช่องทางการรับเรื่องแจ้งเหตุโดยตรงตามกลุ่มผู้มีส่วนได้เสีย เพื่อเป็นการเฝ้าระวัง และรับฟังความคิดเห็นอีกช่องทางหนึ่งด้วย สำหรับคู่ค้า ยังมีช่องทางในการรับข้อร้องเรียน ข้อซักถามจากคู่ค้าผ่านเว็บไซต์บริษัทฯ https://www.thaioilgroup.com/corporate-governance/whistle-blowing-measures/ หรือ จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ whistleblower@thaioilgroup.com
กลุ่มไทยออยล์มีหน่วยงานกลางเพื่อรับเรื่องแจ้งเหตุและเรื่องร้องเรียนจากชุมชนโดยตรงเพื่อดูแลชุมชนในกรณีที่เกิดผลกระทบ โดยใช้ระบบการบริหารจัดการข้อกังวลจากผู้มีส่วนได้เสีย (Voice of Stakeholders Management) เป็นเครื่องมือหลักในการทำงานร่วมกัน มุ่งเน้นการจัดการข้อร้องเรียนที่เกิดขึ้นจากการปฏิบัติงานในสภาวะปกติ และข้อร้องเรียนที่เกิดจากการก่อสร้างโครงการขยายต่างๆ อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมสื่อสารความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาไปยังชุมชนอย่างต่อเนื่อง ทั้งรูปแบบออนไลน์และลงพื้นที่ชุมชน มุ่งสร้างความเชื่อมั่น ความเข้าใจและลดความกังวลของชุมชนควบคู่กันไป เพื่อให้มั่นใจได้ว่ากลุ่มไทยออยล์มีการดูแลและปกป้องสิทธิของผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม
โครงการที่โดดเด่น
- สิทธิแรงงานและพนักงานผู้รับเหมา:
การส่งเสริมความรู้ความเข้าใจให้แก่พนักงานผ่านกิจกรรมการเรียนรู้ Human Rights E-Learning ใน “Thaioil Academy Application” ไปพร้อมๆ กับการจัดกิจกรรมและการอบรมด้านความปลอดภัยให้แก่พนักงานและพนักงานผู้รับเหมาอยู่เป็นประจำ โดยในปี 2567 กลุ่มไทยออยล์ได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่องและเป็นระบบในการยกระดับการดูแลสุขภาวะของพนักงาน (Employee Well-being) ให้ดียิ่งขึ้นผ่านโครงการ 5 สุข เพื่อให้พนักงานด้รับการดูแลตามสิทธิที่พึงได้อย่างดีที่สุดผ่านการดูแลพนักงานในทุกมิติตั้งแต่เข้าทำงาน จนกระทั่งเกษียณอายุงาน

นอกจากนี้ กลุ่มไทยออยล์ได้จัดทำนโยบายสนับสนุนพนักงานกลุ่มไทยออยล์ “People First for Employee Support Policy” เพื่อตอบสนองต่อความต้องการและให้ความช่วยเหลือแก่พนักงาน ครอบครัวพนักงาน และสมาชิกชมรมพนักงานเกษียณกลุ่มไทยออยล์ ที่เผชิญกับอุปสรรคทั้งด้านการเงิน กฎหมาย สุขภาพกาย สุขภาพใจ แอลกอฮอล์ หรือยาเสพติด ปัญหาการสมรส ความเจ็บป่วยของสมาชิกในครอบครัว การดูแลบุตร ฯลฯ ทั้งในรูปแบบของสิทธิประโยชน์สวัสดิการ และมิใช่สวัสดิการ ตลอด 24 ชั่วโมงของทุกวัน
- สิทธิคู่ค้า: บริษัทฯ จัดกิจกรรมเพื่อยกระดับความตระหนักรู้ด้านสิทธิมนุษยชนให้แก่คู่ค้าอย่างต่อเนื่อง เช่น งานสัมมนาคู่ค้ากลุ่มไทยออยล์ ประจำปี 2567 (Supplier Seminar 2024) ณ หอประชุมไทยออยล์ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ควบคู่กับการสร้างความตระหนักรู้ผ่านการยอมรับแนวทางปฏิบัติอย่างยั่งยืนของคู่ค้ากลุ่มไทยออยล์ (SCOC) และการตรวจประเมินด้าน ESG ร่วมกับ สรอ. และคู่ค้า เป็นต้น
- สิทธิชุมชนและสิ่งแวดล้อม: กลุ่มไทยออยล์ยกระดับการดูแลชุมชนอย่างต่อเนื่องผ่านโครงการต่างๆ โดยอาศัยหลัก 3 ประสาน คือ กลุ่มบริษัทไทยออยล์ 10 ชุมชนรอบโรงกลั่น และหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง ดำเนินงานร่วมกันตามกรอบแนวคิด 5 ร่วม เพื่อพัฒนาความเป็นอยู่ของประชาชนรอบโรงกลั่นอย่างยั่งยืน เช่น โครงการผลิตภัณฑ์ชุมชนรอบกลุ่มไทยออยล์ อีกทั้ง กลุ่มไทยออยล์ยังได้กำหนดแนวทางการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero GHG Emissions Pathway) เพื่อบรรลุเป้าหมายขององค์กรภายในปี 2603
ปี 2567
ผลการดำเนินงาน
Vel pretium dolor tellus id purus felis tellus cursus. Amet turpis vel enim aliquet maecenas. Egestas nulla urna suspendisse cursus aliquam mauris facilisis.




เอกสารดาวน์โหลด
Update : กุมภาพันธ์ 2568